Last updated: 29 ก.ย. 2567 | 1057 จำนวนผู้เข้าชม |
‘วัน เอ็นเตอร์ไพรส์’ ชู “Thai Flavor To The World” ปั้นคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก
‘เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์’ ผู้บริหารช่องวัน31 ที่มีรากฐานการดำเนินธุรกิจจากการเป็นคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ ที่มีความโดดเด่น จากการผลิตละครและซีรีส์แนวซิทคอมที่ร่วมสมัยเข้าถึงคนทุกกลุ่ม และมุ่งตอบโจทย์คนทั่วโลกผ่าน “Thai Flavor To The World” โปรเจกต์ละครรูปแบบใหม่ที่มีรสชาติถูกปากคนไทย และเข้าถึงคนทั่วโลก เพื่อแสดงถึงพลังของซอฟต์พาวเวอร์คอนเทนต์ไทย ที่พร้อมเฉิดฉายในตลาดโลก
กองบรรณาธิการ ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “นิพนธ์ ผิวเณร” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตละคร บริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ผู้อยู่เบื้องหลังโปรเจกต์ “Thai Flavor To The World” การส่งออกละครไทยสู่ตลาดโลก และมุมมองที่มีต่อคอนเทนต์ละครไทย ที่เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของไทยออกสู่สายตาชาวโลก
“โควิด เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่มาดิสรัปละคร และผู้ผลิตคอนเทนต์ จากเดิมเป็น Domestic Base คอนเทนต์ที่มีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ ประเทศใคร ประเทศมัน พอมีอินเทอร์เน็ต มีสตรีมมิ่ง แอปพลิเคชั่นการรับชมรายการจากทั่วโลก ประตูทุกบานได้เปิดออก ไม่ใช่แค่การสื่อสารกับคนในประเทศ แต่สื่อสารกับคนทั้งโลก ถ้าตามไม่ทันก็ตาย” นิพนธ์กล่าวถึงจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการผลิตคอนเทนต์ในประเทศไทยและทั่วโลก ที่เกิดจากโรคระบาดครั้งใหญ่อย่างโควิดที่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นกับวงการผลิตคอนเทนต์อย่างรวดเร็ว
เดิมอุตสาหกรรมการผลิตรายการก็ถูกดิสรัปด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลอยู่แล้ว แต่โควิดทำให้เกิดเร็วขึ้น สิ่งที่ตามมา คือผู้ผลิตรายการปรับตัวไม่ทัน โดยเฉพาะผู้ผลิตในประเทศไทย ผลที่เกิดขึ้นจึงทำให้ผู้ชมหันไปรับชมรายการ ละคร ซีรีส์จากต่างประเทศ ดังนั้นผู้ผลิตรายการต้องเข้าใจการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และต้องปรับตัวให้ทันเพื่อผลิตคอนเทนต์เสิร์ฟคนยุคใหม่ให้ได้ “การเปลี่ยนแปลงมาพร้อมโอกาสด้วยเช่นกัน ทุกคนมีความต้องการดูคอนเทนต์ใหม่ ๆ จากทั่วโลก เมื่อประตูเปิดแล้ว เราต้องดูรอดให้ได้ในโลกยุคใหม่นี้” นิพนธ์กล่าว
แนะ 3 แนวทางสร้างการเปลี่ยนแปลง
สำหรับช่องวัน31 ถือเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์ละครแนวใหม่ แตกต่างด้วยบท และเนื้อหาที่เข้มข้น ร่วมสมัยตอบโจทย์คนทุกกลุ่ม นิพนธ์ กล่าวว่า ช่องวันได้พยายามปรับเปลี่ยนแนวทางการผลิตละครมาตลอด เน้นทำละครเพื่อเสิร์ฟกลุ่มคนดูในปัจจุบัน เพราะเมื่อกลุ่มคนดูเปลี่ยน ละครก็ต้องเปลี่ยนวิธีการนำเสนอ สื่อสารเรื่องราวให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น “ต้องปรับตั้งแต่วิธีคิด เล่าเรื่องให้โดนมากขึ้น ซึ่งรูปแบบการเล่าเรื่องในต่างประเทศก็เปลี่ยนแปลงไปมาก” นิพนธ์ระบุ
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารช่องวัน ได้เสนอ 3 แนวทางเบื้องต้น สำหรับผู้ผลิตรายการที่ต้องทำความเข้าใจและศึกษาให้มากขึ้น เพื่อนำไปปรับปรุงการผลิตรายการให้ดียิ่งขึ้น คือ 1. ต้องรู้จักและเข้าใจคนดู ซึ่งวันนี้สนามการแข่งขันไม่ใช่แค่ช่องทีวีในประเทศไทย แต่ต้องแข่งกับคนทั้งโลก 2. ต้องมีประเด็น มีธีมในการเล่าเรื่อง ซึ่งผู้ชมต้องการเนื้อหาที่มากขึ้น และ 3. สำหรับผู้ชมในปัจจุบัน นอกจากต้องการคุณภาพ และเนื้อเรื่องที่เหมาะกับรสนิยมของผู้ชมแล้ว งานโปรดักชั่นต้องได้คุณภาพระดับโลก
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารช่องวัน ย้ำว่า ในกระบวนการคิด การสร้างคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก เนื้อเรื่อง เนื้อหา ต้องเมด อิน ไทยแลนด์ เป็นจุดเด่น ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศไทย แต่ด้านงานโปรดักชั่นต้องให้ได้คุณภาพระดับโลก รวมถึงคุณภาพของนักแสดง
“การสร้างคอนเทนต์ให้เป็นซอฟต์พาวเวอร์ได้ ต้องเป็นตัวตนของไทย สันดานไทย วิธีคิด ความเชื่อ รสนิยม ไม่ใช่แค่เรื่องในประวัติศาสตร์ หรือเรื่องอาหารเท่านั้น และต้องนำเสนออย่างมีความคิดสร้างสรรค์ มีเสน่ห์ ร่วมสมัย ต้องมีคุณค่าด้านโปรดักชั่นส์ มีความประณีต สวยงาม”
สิ่งสำคัญที่สุด อยากให้รัฐบาลส่งเสริมอุตสาหกรรมต้นน้ำ อย่างงานวรรณกรรม บทละคร ต้องส่งเสริมการอ่าน การเขียน เพื่อสร้างทรัพย์สินทางปัญญา ที่จะนำมาผลิตเป็นคอนเทนต์ เพราะถ้าถ่ายทำสวยแค่ไหนก็ตาม หากเนื้อเรื่องไม่สนุก ก็ไม่สามารถสร้างพลังได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการสร้างและพัฒนา รัฐบาลควรวางเป็นยุทธศาสตร์ระยะยาว ลดปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ เพื่อวากรากฐานในการผลิตคอนเทนต์ไทยให้แข็งแรง
ชูโปรเจกต์ “Thai Flavor To The World”
ทั้งนี้ ช่องวัน ได้เปิดตัวละครในโปรเจกต์ยักษ์ระดับโลก “Thai Flavor To The World” มีละครทั้งหมด 5 เรื่อง ที่สามารถรับชมได้ทางช่องวัน แอปพลิเคชั่น และส่งออกสู่ตลาดโลก โดยเปิดตัวเรื่องแรก คือละครเรื่อง “VIP รักซ่อนชู้” ซึ่งเป็นการร่วมมือครั้งใหญ่ของ Content Creator ชั้นนำของ 2 ประเทศ ระหว่างกลุ่มบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ และ บริษัท SBS Contents Hub ผู้นำธุรกิจสถานีวิทยุและโทรทัศน์ช่อง SBS ผู้เผยแพร่คอนเทนต์รายใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งไม่ใช่แค่นำมาทำเป็นละครในรูปแบบเวอร์ชั่นไทย แต่จัดเต็ม ทั้งเรื่องการเขียนบท และการกำกับการแสดง เพื่อทำให้เรื่องราวสมบูรณ์ไปด้วยอรรถรสที่แซ่บ จัดจ้าน รสชาติถูกปากคนไทย และเข้าถึงคนได้ทั่วโลก
“โปรเจกต์ Thai Flavor To The World จะมีทั้งหมด 5 เรื่อง โดยใช้เงินลงทุนสูงกว่าการผลิตละครที่ผ่านมา เพื่อเป็นการสร้างจุดขายใหม่ให้กับช่องวัน และสร้างคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก ถือเป็นอีกก้าวของวัน เอ็นเตอร์ไพรส์” นิพนธ์กล่าวถึงโปรเจกต์ยักษ์ที่จะเกิดขึ้น และเป็นการโค โปรดักชั่นกับเกาหลีใต้เป็นครั้งแรก
สำหรับละครเรื่อง VIP รักซ่อนชู้ ได้มีการปรับเพื่อให้เข้ากับยุคปัจจุบัน และรสนิยมคนไทย ซึ่งจะเป็นการเขียนบทใหม่ ในโครงเรื่องเดิมของเกาหลี ที่มีสัญลักษณ์แห่งกลิ่นอายคอนเทนต์ละครไทย ที่จะนำเสนอสู่เวทีโลก เพื่อให้ผู้ชมต่างชาติ สามารถสัมผัสได้ถึงอรรถรส และมิติของสไตล์คอนเทนต์ละครไทย รวมถึง การใส่รายละเอียดต่างๆ ที่เป็นวัฒนธรรมของไทยลงไปด้วย ที่สำคัญ เป็นการตีความจากโครงเรื่องเดิม มีการสอดแทรกแนวคิด และพยายามส่งเสริมผู้หญิงทุกคนให้รู้จักคุณค่าในตัวเอง
ในส่วนของงานโปรดักชั่น ละครเรื่อง VIP รักซ่อนชู้ ให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของบท, คอสตูม, ฉาก, แสงสี และทุกขั้นตอนของการผลิต เพื่อให้ผลงานออกมาดีที่สุด ซึ่งนอกจากจะออกอากาศทางช่องวัน31แล้ว ยังจะมีการออกอากาศที่ประเทศจีน และอีกหลายประเทศทั่วโลก และยังมีละคร Thai Flavor To The World ทยอยออกมาอีกต่อเนื่อง
นิพนธ์ ให้ความเห็นว่า สำหรับคอนเทนต์ที่มาแรงมากของไทย คือซีรีส์วาย ซึ่งประเทศไทยทำได้ดี สามารถขึ้นแท่นเป็นเมืองหลวงของซีรีส์วายในระดับโลกได้ ซึ่งขณะนี้ทั่วโลกให้การยอมรับ และสามารถพัฒนาเป็นเศรษฐกิจวาย ที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศได้อีกมากมาย เพราะซีรีส์วายของไทยสามารถดูได้ทุกเพศ ทุกวัย มีการพัฒนาบทที่แตกต่าง และสามารถฉีกไปจากกรอบเดิม ๆ สร้างความแปลกใหม่ให้กับวงการคอนเทนต์ไทย สามารถต่อยอดในเชิงเศรษฐกิจได้ในอนาคต
“อุตสาหกรรมบันเทิงไทย ต้องมีการศึกษาเยอะๆ ให้รู้ว่ากระแสของโลก คืออะไร และต้องคิดเพื่ออัพสเกลการผลิตคอนเทนต์เพื่อช่วงชิงโอกาสในต่างประเทศ ถ้าไม่พัฒนา เราจะเล็กลงเรื่อย ๆ ผู้ชมก็ไปหาช่องทางใหม่ๆ ทางออนไลน์ ซึ่งมีมากมาย ดังนั้นต้องตามเทรนด์ให้ทัน ต้องอัพสกิล รีสกิล เพื่อปรับตัวให้ทันกับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลก” นิพนธ์กล่าวสรุปทิ้งท้าย